การประชุมคณะอนุกรรมการประสานและพัฒนาระบบงานยุติธรรม

 

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2560 เวลา 14.30น. ศ.พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปยธ. เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการประสานและพัฒนาระบบงานยุติธรรม โดยมีนายวัลลภ นาคบัว ผอ.สกธ. เป็นอนุกรรมการ และนายชาตรี จันทร์เพ็ญ ผอ.สนป. เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยที่ประชุมได้มีมติและให้ข้อสังเกตในประเด็นวาระต่างๆ ที่เสนอในการประชุม ดังนี้
1. ความคืบหน้าการดำเนินงานบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์แผนงานบูรณาการปฏิรูปกฎหมายและพัฒนากระบวนการยุติธรรม
ที่ประชุมรับทราบ และมีข้อสังเกตดังนี้
1) การประเมินผลตัวชี้วัดที่กำหนดในระดับเป้าหมายของแผนงานบูรณาการฯ ควรสะท้อนแนวโน้ม (trend) ว่าผลการดำเนินงานดีขึ้นหรือลดลงอย่างไรโดยการกำหนดค่ากลางเพื่อเปรียบเทียบหรือเปรียบเทียบกับลักษณะข้อมูลที่มีการดำเนินงานใกล้เคียงกัน
2) ควรนำค่าตัวชี้วัดไปเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำร่างแผนแม่บทฯ ฉบับที่ 3 เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆให้ดียิ่งขึ้น
3) ข้อมูลผลการประเมินตัวชี้วัดสามารถนำไปรายงานต่อคณะรัฐมนตรีได้
2. รายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนกรอบแนวทางการป้องกันอาชญากรรม ที่ประชุมรับทราบและมีข้อสังเกตในเรื่องตัวชี้วัดการกระทำผิดซ้ำ กล่าวคือวิธีการวัดของตัวชี้วัดการกระทำผิดซ้ำด้วยการนำข้อมูลการกระทำผิดซ้ำของกรมราชทัณฑ์กรมคุมประพฤติ และกรมพินิจฯ ย้อนหลัง 3 ปีมาพิจารณา ไม่สามารถสะท้อนผลการดำเนินงานที่แท้จริงได ้เป็นเพียงข้อมูลที่ชี้ให้เห็นเพียงสถานการณ์ปัจจุบัน (Indicator) เท่านั้น ซึ่งอาจปรับเปลี่ยนวิธีการวัดเพื่อมุ่งหาสาเหตุว่าทำไมถึงทำผิดซ้ำ มาเป็นการกำหนดตัวชี้วัดเชิงบวก โดยในประเทศเนเธอร์แลนด์จะใช้หลัก good life model คือเมื่อพ้นโทษแล้วผู้พ้นโทษมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นหรือไม่ เช่น กลับไปอยู่บ้านได้อย่างปกติสุข มีงานทำหรือกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาได้ปกติ เป็นต้น
3. ร่างแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2562 -2565 ที่ประชุมมีมติมอบหมายฝ่ายเลขานุการฯ รับข้อสังเกตของที่ประชุมไปแก้ไขปรับปรุงร่าง แผนแม่บทฯ ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้นและเสนอให้อนุกรรมการพิจารณาในครั้งต่อไป โดยมีข้อสังเกต ดังนี้
1) ควรกำหนดเป้าหมายของร่างแผนแม่บทฯ ให้ชัดเจนโดยระบุสภาพปัญหาและสิ่งที่คาดหวังจะให้เกิดขึ้น, สิ่งที่ต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลงภายใน 4 ปีข้างหน้า รวมถึงความชัดเจนของการนำไปเป็นกรอบการจัดทำคำของบประมาณบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์
2) ตัวชี้วัดในเรื่องความถูกต้องตามกระบวนการพิจารณาคดี,ความรวดเร็วในการดำเนินงานและการกระทำผิดซ้ำมีความจำเป็นแต่วัดยากต้องพิจารณา
ในรายละเอียดว่าจะวัดอย่างไร
3) ควรนำเรื่องการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมากำหนดเป็นยุทธศาสตร์เพื่อให้มีความเชื่อมโยงกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเล็งเห็นความสำคัญที่จะนำไปกำหนดการดำเนินงาน รวมทั้งเตรียมรับมือกับปัญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ cyber crime, digital crime ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต

91 Views