การประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ)ครั้งที่ 14/2560

 

วันที่ 13 กันยายน 2560 เวลา 09.00 น. ณ รัฐสภา พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) ได้เป็นประธานการประชุมครั้งที่ 14/2560 โดยมีนายวัลลภ นาคบัวผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรมเข้าร่วมประชุมในฐานะผู้แทนปลัดกระทรวงยุติธรรมโดยมีประเด็นการประชุม ดังนี้
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำเสนอเรื่องเพื่อทราบ ดังนี้
1.1 รายงานสรุปผลการประชุมร่วมประธานกรรมการปฏิรูปทุกคณะ (ฝ่ายเลขานุการ)
ได้มีมติที่ประชุม โดยจัดทำร่างแผนปฏิรูปประเทศ 2560 ให้คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจใช้เป็นแนวทาง โดยให้คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจประสานการทำงานกับคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม และให้นำข้อมูลของคณะกรรมาธิการของ สปท. มาพิจารณา
1.2 รายงานสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นจากสื่อออนไลน์ (คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็น)
1.2.1 การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชนและผู้เกี่ยวข้องที่มีต่อการปฏิรูปตำรวจ ในภาคใต้ และภาคเหนือ โดยได้ข้อสรุปในเบื้องต้นถึงตำรวจที่พึงปรารถนา เช่น ความเปลี่ยนแปลงขององค์กร การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรม ตำรวจทำงานแบบบูรณาการ
ตำรวจในดวงใจ เป็นตำรวจดีในอุดมคติ มีการปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ เป็นต้น
1.2.2 การสัมภาษณ์เชิงลึก ในการดำเนินการเดือนกันยายนจะเข้าสัมภาษณ์ พลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในวันที่ 12 ก.ย. 60 สัมภาษณ์
ศ.(พิเศษ) จรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ และคุณ
ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ในวันที่ 13 ก.ย. 60 สัมภาษณ์ พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ในวันที่ 26 กันยายน 2560 และวันที่ 18 ก.ย. 60 จะมีการจัด Focus group discussion โดยเชิญนักวิชาการ องค์กรศาล อัยการ กรมบังคับคดี กรมราชทัณฑ์ มาเข้าร่วมให้ความเห็น
1.2.3 การดำเนินงานคณะทำงานด้านรับฟังความคิดเห็นแบบเปิดกว้างและประชาสัมพันธ์
ดำเนินการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ Facebook Social media Listening ตู้ ป.ณ.193
1.2.4 การจัดเวทีรับฟังกลุ่มตำรวจ จากผลการเสวนาที่ผ่านมาได้ข้อสรุปในประเด็นต่างๆ เช่น การแต่งตั้ง ผบ.ให้มาจากการเลือกตั้ง ต้องการให้มีสวัสดิการที่ดี ต้องการให้มีกฎหมายคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ ให้เครื่องมือในการปฏิบัติหน้าที่ให้ครบถ้วน เป็นต้น
1.3 รายงานสรุปผลการศึกษากลไกการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ
ข้าราชการตำรวจ (คณะอนุกรรมการด้านวิชาการ)
สืบเนื่องจากการที่ได้มีข้อเสนอเรื่องการเพิ่มบทบาทจเรตำรวจ และการเสนอตั้ง
คณะกรรมการรับเรื่องราวร้องทุกข์ คณะอนุกรรมการจึงขอเสนอข้อมูลทางวิชาการ
เกี่ยวกับกลไกการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจเพื่อประกอบการพิจารณา โดยมีข้อสรุปเกี่ยวกับแนวคิดและหลักการของการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ กรณีศึกษากลไกการตรวจสอบในต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศอังกฤษและเวลส์ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส ข้อเสนอของคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ ๒๕๕๐ โดยได้มีข้อเสนอให้มีคณะกรรมการพิจารณาเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับตำรวจ ซึ่งนำแนวทางมาจากประเทศอังกฤษ และนำเสนอข้อสังเกตเกี่ยวกับการกำหนดกลไกการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ

2. ประเด็นสำคัญในการพิจารณาของคณะกรรมการ คือ การสรุปผลการดำเนินงานของ
คณะอนุกรรมการต่างๆ
2.1 คณะอนุกรรมการด้านอำนาจหน้าที่และภารกิจตำรวจ
มีมติเกี่ยวกับการกระจายอำนาจการบริหารงานตำรวจแบบบูรณาการ โดยมีหลักการสำคัญ คือ หลักอิสระและความคล่องตัว และหลักต้นสังกัดและการเติบโตในอาชีพ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังคงเป็นผู้บริหารสูงสุดและสามารถใช้อำนาจบริหารงานกองบัญชาการที่ได้รับการกระจายอำนาจฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ราชการได้ ซึ่งกองบัญชาการที่ได้รับการกระจายอำนาจ ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค ๑ – ๙ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานจเรตำรวจ ในประเด็นนี้ได้มีความเห็นของกรรมการ มองว่าควรสนับสนุนไม่ให้มีการย้ายตำรวจข้ามภาค เพื่อให้ตำรวจมีความชำนาญในพื้นที่ของตน และควรมีการกระจายอำนาจให้ผู้บัญชาการในพื้นที่ปฏิบัติได้อย่างแท้จริง
2.2 คณะอนุกรรมการด้านการบังคับใช้กฎหมาย และระบบการสอบสวนคดีอาญา
มีมติของคณะอนุกรรมการในประเด็นเรื่องการให้พนักงานอัยการเข้ามามีส่วนร่วมในการสอบสวน ออกเป็น ๒ แนวทาง คือ
(1) กำหนดให้พนักงานอัยการเข้ามาสอบสวนคดีอาญาในบางคดีเมื่อมีเหตุจำเป็น โดยให้พนักงานอัยการเข้ามาร่วมในการสอบสวนตั้งแต่ต้นแต่ไม่ได้เข้ามาในฐานะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน
(2) กำหนดให้พนักงานอัยการมีตำรวจสอบสวนในสังกัดสำนักงานอัยการสูงสุด มีหน้าที่สอบสวนความผิดบางประเภทที่มีความสำคัญ โดยมอบอำนาจในการสอบสวนไปให้พนักงานอัยการแต่เพียงฝ่ายเดียวผ่านตำรวจสอบสวนของพนักงานอัยการ
ในประเด็นนี้ได้มีความเห็นของกรรมการ มองว่าควรพิจารณาแนวทางในการเพิ่มจำนวนพนักงานอัยการให้มากขึ้น ประกอบกับต้องทำให้พนักงานอัยการมีคุณภาพควบคู่กันไป และงานสืบสวนสอบสวนต้องอยู่ในหน่วยงานเดียวกัน แต่หากคดีใดเป็นคดีสำคัญควรให้พนักงานอัยการสอบสวนแต่ฝ่ายเดียว โดยผ่านสำนักงานสอบสวนคดีอาญา ซึ่งถือว่าเป็นตำรวจที่อยู่ในสังกัดสำนักงานอัยการสูงสุด จะทำให้ไม่เกิดปัญหาในการร่วมสอบสวน

107 Views