SDG16 : การพัฒนากระบวนการยุติธรรมอย่างยั่งยืน

วันที่ 31 ส.ค. 2561 เวลา 9.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปยธ. ได้ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการประชุมทางวิชาการว่าด้วยกระบวนการยุติธรรมและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 16 ภายใต้หัวข้อ “SDG16 สังคมสงบสุข ยุติธรรม ไม่แบ่งแยก : Peace, Justice and Strong Institutions” ณ ห้องแกรนด์บอลลูม 2 โรงแรมรามาการ์เด้น ถนนวิภาวดีรังสิต และปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “SDG16 : การพัฒนากระบวนการยุติธรรมอย่างยั่งยืน”
ซึ่งมี ผอ.สกธ. รองผอ.สกธ. (นางศิวากร คูรัตนเวช) และเจ้าหน้าที่จาก สกธ. และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายที่ 16 เข้าร่วมประชุม รวมจำนวนทั้งสิ้น 120 คน

สาระสำคัญของการประชุม มีดังนี้

ในช่วงเช้า
ได้รับเกียรติจากวิทยากร จำนวน 3 ท่าน ได้แก่ ดร.เกียรติ อนันต์ล้วนแก้ว คณะเศรษฐศาสตร์ มธ. นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ และ ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตน์ ผู้อำนวยการสถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม มาบรรยายถึงความเป็นมาและรายละเอียดของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 16 ส่งเสริมสังคมสงบสุข ยุติธรรม ไม่แบ่งแยก ทั้งในมิติของประเทศไทยและมิติต่างประเทศ พร้อมทั้ง พูดถึงบทบาทการนำเสนอผลการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับชาติ โดยสมัครใจ และการผนวกหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SEP for SDGs) ซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศไทยมาเป็นเวลานานกว่า 70 ปี ทั้งนี้ วิทยากรทุกท่านได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของเป้าหมายที่ 16 ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะนำพาให้เป้าหมาย SDGs เป้าหมายอื่นๆสำเร็จได้ด้วย ๆ

ในช่วงบ่าย
เป็นเวทีเสวนา หัวข้อ “ถอดบทเรียนการดำเนินงานภายใต้เป้าหมายที่ 16 ในบริบทของประเทศไทย
โดยได้รับเกียรติจากวิทยากร จำนวน 4 ท่าน มาพูดถึงการดำเนินงานของหน่วยงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายที่ 16 ได้แก่

นายพิเศษ นาคะพันธุ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. ได้พูดถึงการดำเนินการของประเทศในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง อาทิ การแก้กฎหมายเพิ่มโทษให้เจ้าหน้าของรัฐที่กระทำความผิด รวมถึงการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต (Zero Tolerance) อันเป็นผลให้เห็นได้ตามข่าวที่มีการแจ้งเบาะแสอันนำมาซึ่งการตรวจสอบ หรือการดำเนินคดีกับผู้บริหารระดับสูงที่ทุจริต เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการนี้สอดคล้องกับเป้าประสงค์ที่ 16.3 หลักนิติธรรม 16.5 การลดทุจริต 16.6 ธรรมภิบาล เป็นต้น

นายสาโรช นักเบศร์ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการและโครงการในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา สำนักงานอัยการสูงสุด ได้พูดถึงการพัฒนาระบบงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง เด็ก และบุคคลในครอบครัว โดยเป็นการนำยุทธศาสตร์ต้นแบบและมาตรการเชิงปฏิบัติของสหประชาชาติมา implementation ซึ่งเป็นการดำเนินการประสานสหวิชาชีพและชุมชนร่วมขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก เน้นไปที่การให้การคุ้มครองแบบเป็นรูปธรรม ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวนั้น สอดคล้องกับเป้าประสงค์ที่ 16.2 ยุติความรุนแรงต่อเด็ก 16.3 การเข้าถึงความยุติธรรม เป็นต้น

นางสาวนรีลักษณ์ แพไชยภูมิ ผู้อำนวยการกองสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้พูดถึงการดำเนินงานด้านธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย (Business and Human Rights) ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนตามหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (UN guilding principles on business and human rights) 3 เสาหลัก ได้แก่ Protect Respect Remedy ทั้งนี้ ปัจจุบัน กคส. ได้ดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า NAP โดยให้รัฐวิสาหกิจเป็นต้นแบบในการดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าประสงค์ที่ 16.3 หลักนิติธรรม 16.10 สิทธิมนุษยชน เป็นต้น

นางสาวชลธิช ชื่นอุระ ผู้แทนจากสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย ได้พูดถึงการอนุวัติข้อกำหนดกรุงเทพ (Bangkok rule) ซึ่งว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำและมาตรการที่ไม่ใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง โดย TIJ ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ คัดเลือกเรือนจำต้นแบบที่เป็นไปตามข้อกำหนดกรุงเทพ ซึ่งปัจจุบันมีเรือนจำต้นแบบ ที่ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 10 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าประสงค์ที่ 16.3 หลักนิติธรรม 16.10 สิทธิมนุษยชน เป็นต้น

ทั้งนี้ วิทยากรได้เน้นย้ำว่า การดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ไม่ใช่เป็นการเพิ่มภาระให้หน่วยงาน หากแต่หน่วยงานดำเนินการเรื่องนั้นอยู่แล้ว แค่นำมาเสนอให้กรอบของ SDG

93 Views