สกธ.เข้าร่วมชี้แจงรายละเอียดต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ)เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีจราจร  พ.ศ. ….

Pic for web 10 02

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 เวลา 10.00 น. ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรมได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยและพัฒนากระบวนการยุติธรรม โดยนางสาวสุดาพร สกุลดี นิติกรชำนาญการพิเศษ และนางสาวพิชญ์สินี พฤฒปภพ นิติกรปฏิบัติการ เป็นผู้แทนเข้าร่วมชี้แจงรายละเอียดต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีจราจร  พ.ศ. …. ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2565 อนุมัติหลักการของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจง คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) มีข้อสังเกตตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ดังนี้

1. การกระทำความผิดจราจรทางบกตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ส่วนมากเป็นกรณีความผิดเล็กน้อยและมีอัตราโทษไม่รุนแรง การเสนอร่างพระราชบัญญัตินี้จะเป็นการเพิ่มภาระในการมาศาลของประชาชนเกินจำเป็นหรือไม่

2. ปัจจุบันมีการบังคับใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 ซึ่งในบทเฉพาะกาลกำหนดให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวตามกฎหมายในบัญชี 1 ท้ายพระราชบัญญัติฯเป็นความผิดทางพินัยตามพระราชบัญญัตินี้

3. หากมีการจัดตั้งและเปิดทำการแผนกคดีจราจรขึ้นในศาลยุติธรรมทุกแห่งตามมาตรา 3 แห่งร่างพระราชบัญญัติฯ อาจก่อให้เกิดปัญหาในการจัดสรรอัตรากำลังและงบประมาณได้

ในการนี้ สำนักงานกิจการยุติธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ได้ให้ความเห็นตามร่างพระราชบัญญัติฯ ต่อที่ประชุม ดังนี้

1. การกำหนดให้คดีจราจรตามร่างมาตรา 4 (1) (2) และ (3) ซึ่งเป็นคดีความผิดไม่ร้ายแรงและมีอัตราโทษปรับสถานเดียวหรือมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน ต้องเข้าสู่กระบวนพิจารณาของศาลทุกกรณี เว้นแต่ผู้ต้องหายินยอมชำระค่าปรับก่อนวันตามหมายเรียกของศาล ให้คดีเป็นที่ยุติ อาจสร้างภาระแก่ประชาชนเกินจำเป็น เนื่องจากกฎหมายเดิมกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเปรียบเทียบปรับและถ้าผู้กระทำความผิดยอมชำระค่าปรับ คดีจะเป็นที่ยุติโดยมิต้องมีการนำคดีขึ้นสู่ศาล ประกอบกับปัจจุบันมีหน่วยงานที่สามารถดำเนินการกับคดีจราจรได้ตามกฎหมายอยู่แล้ว จึงควรวางแนวทางให้เหมาะสมและไม่ทำให้ปริมาณคดีที่จะขึ้นสู่ศาลสูงเกินจำเป็น

2. การกำหนดให้คดีจราจรตามมาตรา 4 (4) ซึ่งรวมถึงคดีเมาแล้วขับ ให้ใช้การสอบสวนและดำเนินกระบวนพิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงแล้วแต่กรณี เห็นว่า กรณีเมาแล้วขับควรมีมาตรการบังคับโทษที่แตกต่างและเป็นขั้นตอนเพื่อจำกัดสิทธิของผู้กระทำความผิดในทันที โดยเฉพาะกรณีที่ยังไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย อาจนำมาตรการ ได้แก่ การยึดรถ / การยึด พักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ในทันที มาใช้ เพื่อป้องปรามและลงโทษผู้กระทำความผิดโดยไม่ต้องนำคดีขึ้นสู่ศาล

108 Views