วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2567 เวลา 08.30 น. สำนักงานกิจการยุติธรรม จัดการประชุมคณะทำงานย่อย ชุดโครงการวิจัยการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อรับมือภาวะวิกฤตจากโรคระบาดในสถานที่ควบคุม/คุมขัง โครงการย่อยที่ 1 การพัฒนามาตรฐานการออกแบบและก่อสร้างสถานที่ควบคุม/คุมขัง ในประเทศไทย เพื่อรับมือกับวิกฤตโรคระบาด ครั้งที่ 2 โดยมี คณะทำงานย่อย ชุดโครงการวิจัยการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อรับมือภาวะวิกฤตจากโรคระบาดในสถานที่ควบคุม/คุมขัง ของสำนักงานกิจการยุติธรรม ผู้แทนจากสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เรือนจำกลางบางขวาง กรมควบคุมโรค สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย คณะวิจัยจากภาควิชาสถาปัตยกรรมภายใน และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมกิจการยุติธรรม 1 (JA1) โดยสรุปสาระสำคัญของการประชุม ดังนี้
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งถึงวัตถุประสงค์ของการจัดการประชุมคณะทำงานย่อยฯ ครั้งที่ 2 โดยเน้นการรายงานความก้าวหน้าของโครงการวิจัยฯ จากการจัดเก็บข้อมูลในเรือนจำ และทัณฑสถานต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การพัฒนามาตรฐานการออกแบบและก่อสร้างสถานที่ควบคุม คุมขัง ในประเทศไทย เพื่อรับมือกับวิกฤตโรคระบาด โดยเน้นโรคระบาดที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เช่น COVID-19 วัณโรค และไข้หวัดประเภทต่าง ๆ เป็นหลัก เพื่อนำไปสู่การพัฒนาข้อเสนอแนะในการปรับปรุงรูปแบบ แนวทาง การบริหารจัดการพื้นที่ในเรือนจำ เพื่อการรับมือกับวิกฤตโรคระบาด และการพัฒนาข้อเสนอแนะในการออกแบบเรือนจำ (Design Guideline) ที่กระทรวงยุติธรรม สามารถนำไปปรับใช้กับการออกแบบเรือนจำ/ทัณฑสถาน เพื่อรับมือกับวิกฤตโรคระบาดในอนาคต
2. คณะวิจัยได้นำเสนอผลการดำเนินงานถึงสถานการณ์ปัจจุบันและแนวทางการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานการออกแบบทางสถาปัตยกรรมภานในเรือนจำในส่วนของห้องกักโรคพื้นที่สำหรับเฝ้าระวังการติดเชื้อในเรือนจำ และผลการวิเคราะห์และประมวลข้อมูลจากการทบทวรวรรณกรรม เพื่อรายงานให้ที่ประชุมได้ทราบ รวมถึงรับฟังความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมประชุมเพื่อนำมาสรุปผลการวิจัย ดังนี้
(1) กรอบแนวทางในการพัฒนามาตรฐานการออกแบบและก่อสร้างสถานที่ควบคุม/คุมขัง เพื่อรับมือกับวิกฤตโรคระบาด ที่มีขอบเขตเป็นห้องกักโรค พื้นที่เฝ้าระวังการติดเชื้อในเรือนจำ
(2) กรอบแนวทางในการพัฒนาโครงสร้างและนวัตกรรมเพื่อรับมือวิกฤตโรคระบาด
(3) กรอบแนวคิด HAAT หรือโมเดลเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกในกิจกรรมของมนุษย์ ประกอบด้วยมิติ 4 ได้แก่ 1. ด้านมนุษย์ (Human) 2. กิจกรรม (Activities) 3. เทคโนโลยีอำนวยความสะดวก (Assistive Technology) ภายใต้ 4. บริบท (Context) ในสัดส่วนที่เท่ากัน
(4) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกด้วยการสำรวจพื้นที่ในเรือนจำประกอบไปด้วยพื้นที่ตรวจค้น แดนแรกรับ แดนพยาบาล ทั้งหมด 3 แห่ง ได้แก่ เรือนจำกลางชลบุรี เรือนจำกลางนครปฐม เรือนจำกลางบางขวาง
3. ที่ประชุมได้ร่วมกันอภิปรายในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่
(1) การกำหนดขอบเขตของโรคระบาด และความเครียดที่เกิดจากบุคคลภายนอกในช่วงสถานการณ์ที่เกิดโรคระบาด
(2) โรคระบาดตามฤดูกาล เช่น โรคระบาดส่วนใหญ่จะแพร่ระบาดในช่วงฤดูหนาว โรคผิวหนังจะแพร่ระบาดในช่วงฤดูร้อน
(3) การใช้มาตรการตรวจสอบสุขภาพด้วยตนเอง ได้แก่ การตรวจ ATK การตรวจวัดปริมาณออกซิเจน และเอกซเรย์ปอด
(4) การเตรียมอุปกรณ์ในการป้องกันการติดเชื้อ ได้แก่ หน้ากากอนามัย ถุงมือ ชุด PPE
(5) การรักษาสุขอนามัย การจำแนกขยะติดเชื้อและขยะทั่วไป
4. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้คณะวิจัยดำเนินการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในด้านต่าง ๆ ดังนี้
(1) แผนภาพตั้งแต่กระบวนการแรกรับ
(2) กรอบแนวทางในการพัฒนามาตรฐานการออกแบบและก่อสร้างสถานที่ควบคุม/คุมขัง เพื่อรับมือกับวิกฤตโรคระบาดที่สามารถปรับใช้ได้กับเรือนจำในประเทศไทย
(3) การวิเคราะห์พื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่าง ๆ ในสถานที่ควบคุม/คุมขัง รวมถึงขั้นตอนการบริหารจัดการพื้นที่ที่สามารถปรับใช้ได้กับเรือนจำในประเทศไทย โดยประสานคณะทำงาน และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้นำมาเสนอความก้าวหน้าของโครงการในการประชุมคณะทำงานย่อยครั้งต่อไป