วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม พร้อมด้วยพันตำรวจโท มนตรี บุณยโยธิน รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม นำคณะผู้เข้ารับการฝึกอบรมศึกษาดูงาน ณ ศูนย์พัฒนาพฤตินิสัยลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี โดยนางวิรวรรณ บรรจงช่วย ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดปทุมธานี ให้การต้อนรับและบรรยาย หัวข้อ “การบูรณาการภาคีเครือข่าย ในการแก้ไขฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติด ในระบบคุมประพฤติ” DRIP MODEL (Drug Rehab Integration of Partners in Probation Service) เนื่องจากกรมคุมประพฤติ มอบหมายให้ศูนย์พัฒนา พฤตินิสัยลาดหลุมแก้ว ดูแลโครงการ DRIP MODEL “ค่ายสานพลังใจ” ผู้ถูกคุมประพฤติคดียาเสพติด เพื่อแก้ไขฟื้นฟูปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดในรูปแบบการจัดค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ระยะยาว 60 วัน โดยผ่านกระบวนการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และการฝึกอาชีพ ปัจจุบันมีผู้ถูกคุมประพฤติในค่าย จำนวน 90 คน โดยเริ่มบำบัดดูแลตั้งแต่การเตรียมพร้อมสภาพจิตใจแรกเข้าเพื่อสร้างความไว้วางใจ แบ่งกลุ่มตามความรุนแรง จากนั้น ให้ทบทวนตนเองถึงเหตุปัจจัยและความสำคัญในการเข้าค่ายนี้ รับการตรวจสุขภาพสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และเข้าร่วมเรียนรู้พัฒนาทั้งด้านจิตพิสัย การศึกษา ศาสนา ฝึกทักษะการปรับตัวสู่สังคม และการฝึกวิชาชีพตามความถนัดและสามารถนำไปประกอบอาชีพได้จริง เช่น ตัดผมชาย เบเกอรี่ ซ่อมมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น อีกทั้งยังมีกระบวนการติดตามหลังสำเร็จโครงการทุกคนต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยการลงพื้นที่เข้าเยี่ยมของนักสังคมสงเคราะห์และนักบำบัด ถือเป็นการบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ท่านวิทยากรกล่าวเสริมว่า “เราแก้ไขทั้งหมดไม่ได้แต่สามารถอุดรอยรั่วได้ โดยสิ่งสำคัญพื้นฐานต้องมาจากครอบครัวที่ร่วมปรับตัวเพื่อเป็นพลังใจตลอดกระบวนการได้อย่างเหมาะสม” เป็นการสานต่อแนวคิดของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม “ยาเสพติดกลัวครอบครัว-กลัวชุมชนที่เข้มแข็ง”
จากนั้น ได้เยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และรับฟังการบรรยายในหัวข้อ “การบริหารจัดการพื้นที่ทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์” โดยอุทยานฯ เป็นหน่วยงานที่ดูแลรักษาโบราณสถานในพื้นที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อันประกอบไปด้วยโบราณสถานประเภทพระราชวัง ศาสนสถาน สะพานโบราณและอื่นๆ โดยมีโบราณสถานไม่ต่ำกว่า 300 แห่ง เนื่องจากกรุงศรีอยุธยาเป็นอาณาจักรที่มีอายุยืนยาวถึง 417 ปี จึงทรงคุณค่าและสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง และในวันที่ 13 ธันวาคม พุทธศักราช 2434 พื้นที่โบราณสถานสำคัญของอยุธยา ได้ถูกประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลกในชื่อ “นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา” โดยองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ปัจจุบันพื้นที่นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและโบราณสถานต่างๆ ในเขตเมืองอยุธยา ได้รับการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กรมศิลปากร เป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการดูแลรักษาพื้นที่