วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 นายนิทัศน์ แสงวัฒนะ รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม พร้อมด้วย นางสาวอรวรรณ ปานคง ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม นำคณะผู้เข้ารับการฝึกอบรมศึกษาดูงาน ณ ทัณฑสถานวัยหนุ่มพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีนายวรชัย บุตรดาบุตร ผู้อำนวยการทัณฑสถานวัยหนุ่มพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับและบรรยายหัวข้อ “การพัฒนาพฤตินิสัยเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนคืนสู่สังคม” ซึ่งทัณฑสถานเป็นสถานที่คุมขังหรือเรือนจำสำหรับผู้ต้องขังที่เป็นวัยรุ่นและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี โดยเน้นการฟื้นฟูและการอบรมที่เหมาะสมกับวัย พัฒนาเยาวชนในด้านการศึกษา การฝึกอาชีพสร้างรายได้ให้กับผู้ต้องขังก่อนคืนสู่สังคม เพื่อลดโอกาสในการกลับไปกระทำความผิดซ้ำ และสามารถนำไปเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพได้หลังพ้นโทษ นอกจากนี้นางกรรณิการ์ ชอินทรวงศ์ ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมบรรยายถึงภารกิจทัณฑสถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยา ที่เป็นทัณฑสถานรับย้ายผู้ต้องขังโทษคดียาเสพติดชาย ควบคุมไม่เกิน 10 ปี เพื่อแก้ไข ฟื้นฟู พัฒนาพฤติดนิสัยผู้ต้องขัง โดยการฝึกระเบียบวินัยให้การศึกษา อบรม ฝึกอาชีพ ก่อนปล่อยตัวพ้นโทษกลับสู่สังคม ปัจจุบันควบคุมผู้ต้องขังทั้งหมด 925 คน จากนั้นได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และรับฟังบรรยายหัวข้อ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกับการจัดเก็บโบราณวัตถุ” ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเก็บรักษาและจัดแสดงโบราณวัตถุที่พบในจังหวัด โดยเฉพาะที่ขุดพบจากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ มีวัตถุประสงค์หลักในการเก็บรักษาและจัดแสดงโบราณวัตถุที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงโบราณวัตถุที่มีความสำคัญหลายประเภท เช่น พระแสงขรรค์ชัยศรี หินเขี้ยวหนุมาน และทองคำประดับแก้วสี และพระปรางค์ประธานวัดราชบูรณะ เป็นต้น
วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ได้เข้าเยี่ยมคารวะและรับฟังการบรรยายในหัวข้อ “การบริหารจัดการเมืองมรดกโลก” ณ โรงแรมคลาสสิค คามิโอ การบริหารจัดการเมืองอยุธยาในฐานะเมืองมรดกโลกมีความสำคัญทั้งในด้านการอนุรักษ์และการพัฒนา เพื่อให้เมืองสามารถรักษาความเป็นมรดกโลกในด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ โดยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ขับเคลื่อนดำเนินการ ดังนี้
1. การอนุรักษ์โบราณสถานและสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ การดูแลรักษาโบราณสถาน เช่น วัด พระราชวัง และสถานที่สำคัญอื่นๆ ที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทย โดยมีการบูรณะปรับปรุงให้คงอยู่ต่อไป
2. การจัดการการท่องเที่ยว โดยให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพื่ออนุรักษ์ให้อยุธยาเป็นเมืองโบราณที่มีชีวิต
3. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง การขนส่ง รวมถึงการพัฒนาเมืองให้สะดวกสบายสำหรับทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว
4. การบริหารจัดการอุทกภัย เนื่องด้วยสภาพพื้นที่เป็นที่รับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนทั้งหมด และโดยภูมิประเทศมีจุดแคบสุดของแม่น้ำทำให้น้ำที่ไหลลงมาไม่สามารถระบายไปยังทะเลอ่าวไทยได้ทันที จึงได้จัดหามาตรการเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์